การตรวจวัดแบคทีเรียและเชื้อราในอากาศ

1. คุณสมบัติของแบคทีเรียและเชื้อราในอากาศ

แบคทีเรีย (Bacteria) และ เชื้อรา (Fungi) เป็นสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กที่สามารถแพร่กระจายอยู่ในอากาศได้ โดยทั่วไปจะจับตัวอยู่กับอนุภาคฝุ่นละอองหรือละอองน้ำ

  • แบคทีเรีย เป็นสิ่งมีชีวิตเซลล์เดียวที่มีรูปร่างหลากหลาย เช่น ทรงกลม ทรงแท่ง หรือเกลียว
  • เชื้อรา เป็นสิ่งมีชีวิตที่สร้างสปอร์ (spores) และสามารถลอยอยู่ในอากาศได้เพื่อแพร่พันธุ์

ทั้งแบคทีเรียและเชื้อราในอากาศจะเจริญเติบโตได้ดีในสภาพแวดล้อมที่มีอุณหภูมิและความชื้นเหมาะสม และเมื่อมีความเข้มข้นสูงก็อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพได้

2. วัตถุประสงค์ของการตรวจวัดแบคทีเรียและเชื้อราในอากาศ

การตรวจวัดจุลินทรีย์ในอากาศมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อ:

  • ประเมินคุณภาพอากาศภายในอาคาร: เพื่อตรวจสอบความสะอาดของอากาศในอาคารสำนักงาน โรงเรียน โรงพยาบาล หรือที่พักอาศัย โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูง
  • ความปลอดภัยทางอาชีวอนามัย: เพื่อประเมินความเสี่ยงต่อสุขภาพของพนักงานในอุตสาหกรรมบางประเภท เช่น อุตสาหกรรมอาหาร, ยา หรือการเกษตร ที่อาจมีการสัมผัสกับเชื้อราหรือแบคทีเรียในปริมาณมาก
  • การระบุสาเหตุของอาการป่วย: ในกรณีที่มีผู้คนในอาคารป่วยด้วยอาการที่ไม่ทราบสาเหตุ เช่น ภูมิแพ้ หรือโรคทางเดินหายใจ การตรวจวัดอากาศจะช่วยระบุได้ว่ามีเชื้อราหรือแบคทีเรียเป็นสาเหตุหรือไม่

3. มาตรฐานการตรวจวัดแบคทีเรียและเชื้อราในอากาศ

ปัจจุบันยังไม่มีมาตรฐานสากลที่กำหนดค่าขีดจำกัดที่แน่นอนสำหรับปริมาณแบคทีเรียและเชื้อราในอากาศ เนื่องจากปัจจัยที่มีผลกระทบมีหลากหลาย แต่การประเมินมักใช้หลักการเปรียบเทียบ โดยตรวจวัดปริมาณจุลินทรีย์ในอากาศ ภายในอาคาร เทียบกับอากาศ ภายนอกอาคาร ที่อยู่ในสภาพแวดล้อมใกล้เคียงกัน หากปริมาณจุลินทรีย์ในอากาศภายในอาคารสูงกว่าภายนอกอย่างมีนัยสำคัญ แสดงว่าอาจมีแหล่งสะสมเชื้อโรคอยู่ภายในอาคาร

4. เครื่องมือที่ใช้ในการตรวจวัดแบคทีเรียและเชื้อราในอากาศ

เครื่องมือหลักที่ใช้ในการตรวจวัดจุลินทรีย์ในอากาศคือ เครื่องเก็บตัวอย่างอากาศ (Air Sampler) ที่ใช้หลักการทำงานแบบ การตกกระทบ (Impaction) โดยการดูดอากาศผ่านจานเพาะเชื้อ (Culture Plate) ที่มีอาหารเลี้ยงเชื้ออยู่ เมื่อจุลินทรีย์ตกลงบนอาหารเลี้ยงเชื้อแล้ว จะถูกนำไปบ่มในตู้บ่มเชื้อเพื่อรอให้เจริญเติบโตเป็นโคโลนี (Colony) จากนั้นจึงนับจำนวนโคโลนีเพื่อคำนวณความเข้มข้นของเชื้อในอากาศ

5. การป้องกันอันตรายจากแบคทีเรียและเชื้อราในอากาศ

การป้องกันอันตรายจากเชื้อราและแบคทีเรียในอากาศสามารถทำได้โดย:

  • การควบคุมแหล่งกำเนิด: ลดแหล่งสะสมความชื้น เช่น การซ่อมแซมรอยรั่วของน้ำ, การทำความสะอาดอย่างสม่ำเสมอ และการทำให้พื้นผิวแห้ง
  • การระบายอากาศ: เพิ่มประสิทธิภาพของระบบระบายอากาศ และทำความสะอาดท่อระบายอากาศอย่างสม่ำเสมอ
  • การใช้เครื่องฟอกอากาศ: ติดตั้งเครื่องฟอกอากาศที่มีแผ่นกรอง HEPA (High-Efficiency Particulate Air) เพื่อช่วยกรองอนุภาคขนาดเล็กและจุลินทรีย์
  • การใช้อุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล: สวมใส่ หน้ากากที่ได้มาตรฐาน N95 หรือ FFP2 เป็นอย่างน้อยสำหรับการทำงาน ในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูง เช่น ระหว่างการทำความสะอาดพื้นที่ที่มีเชื้อรา

การสังเกตหน้ากากป้องกันระบบทางเดินหายใจที่มีมาตรฐาน จะต้องมีรายละเอียดต่างๆ ที่ปรากฏที่ตัวหน้ากาก และผู้ใช้งานสามารถตรวจสอบกลับไปยังหน่วยงานที่รับรองมาตรฐานได้

  • การเฝ้าระวัง: ตรวจวัดคุณภาพอากาศภายในอาคารอย่างสม่ำเสมอเพื่อเฝ้าระวังและป้องกันการสะสมของเชื้อราและแบคทีเรียในระยะยาว