การตรวจวัดสนามแม่เหล็กไฟฟ้า
การตรวจวัดสนามแม่เหล็กไฟฟ้า (Electromagnetic Field, EMF) เป็นการประเมินปริมาณของสนามไฟฟ้าและสนามแม่เหล็กที่แผ่ออกมาจากแหล่งกำเนิดต่างๆ เพื่อประเมินความเสี่ยงต่อสุขภาพและความปลอดภัย.
1. คุณสมบัติของสนามแม่เหล็กไฟฟ้า
สนามแม่เหล็กไฟฟ้า เกิดจากการเคลื่อนที่ของประจุไฟฟ้า มีลักษณะเป็นคลื่นที่ประกอบด้วย สนามไฟฟ้า (หน่วยเป็นโวลต์ต่อเมตร, V/m) และ สนามแม่เหล็ก (หน่วยเป็นเทสลา, T หรือมิลลิเกาส์, mG) ซึ่งตั้งฉากกันและตั้งฉากกับทิศทางการเคลื่อนที่ของคลื่น. แหล่งกำเนิดสนามแม่เหล็กไฟฟ้ามีทั้งจากธรรมชาติ เช่น ฟ้าผ่า และที่มนุษย์สร้างขึ้น เช่น อุปกรณ์ไฟฟ้า, โทรศัพท์มือถือ, สายส่งไฟฟ้าแรงสูง และสถานีฐาน.
ได้รับอนุญาตจาก Google
2. วัตถุประสงค์ของการตรวจวัดสนามแม่เหล็กไฟฟ้า
วัตถุประสงค์หลักของการตรวจวัด EMF คือ:
- ความปลอดภัยของประชาชน: เพื่อตรวจสอบปริมาณ EMF ในสภาพแวดล้อมต่างๆ เช่น รอบบ้าน, โรงเรียน และบริเวณใกล้เคียงเสาส่งสัญญาณ.
- ความปลอดภัยในสถานที่ทำงาน: เพื่อประเมินปริมาณ EMF ที่บุคลากรได้รับจากการทำงานกับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์หรือเครื่องจักรขนาดใหญ่.
- การตรวจสอบการรั่วไหล: เพื่อตรวจจับการรั่วไหลของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าจากอุปกรณ์ต่างๆ เช่น เตาไมโครเวฟ.
- การวิจัยและประเมินความเสี่ยง: เพื่อศึกษาผลกระทบของ EMF ที่มีต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อม.
3. มาตรฐานการตรวจวัดสนามแม่เหล็กไฟฟ้า
มาตรฐานที่ใช้ในการตรวจวัด EMF มีการกำหนดขีดจำกัดการรับสัมผัสจากหน่วยงานสากลและหน่วยงานในประเทศ เช่น:
- International Commission on Non-Ionizing Radiation Protection (ICNIRP): เป็นองค์กรสากลที่กำหนดแนวทางและค่าขีดจำกัดสำหรับการสัมผัสรังสีชนิดไม่ก่อไอออน เพื่อป้องกันผลกระทบต่อสุขภาพที่ได้รับการพิสูจน์แล้ว.
- มาตรฐานในประเทศไทย: สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) และกรมควบคุมมลพิษ ได้กำหนดค่ามาตรฐานการรับสัมผัส EMF จากสถานีฐานโทรศัพท์เคลื่อนที่และแหล่งกำเนิดอื่นๆ.
4. เครื่องมือที่ใช้ในการตรวจวัดสนามแม่เหล็กไฟฟ้า
เครื่องมือที่ใช้ในการตรวจวัด EMF เรียกว่า เครื่องวัด EMF (EMF Meter) หรือ เครื่องวัดเกาส์ (Gauss Meter) ซึ่งมีหลายประเภทขึ้นอยู่กับย่านความถี่ที่ต้องการวัด:
- เครื่องวัด EMF สำหรับความถี่ต่ำ (ELF): ใช้สำหรับวัดสนามแม่เหล็กไฟฟ้าจากอุปกรณ์ไฟฟ้าและสายส่งไฟฟ้า.
- เครื่องวัด EMF สำหรับความถี่สูง (RF): ใช้สำหรับวัดสนามแม่เหล็กไฟฟ้าจากโทรศัพท์มือถือ Wi-Fi และเสาสัญญาณ.
- เครื่องวัดแบบพกพา (Personal Monitor): อุปกรณ์ขนาดเล็กที่ผู้ปฏิบัติงานพกพาเพื่อบันทึกปริมาณ EMF ที่ได้รับตลอดวัน.
เครื่องวัดสนามแม่เหล็กไฟฟ้าย่านความถี่ต่ำ EHP-50F
เครื่องตรวจสนามแม่เหล็กไฟฟ้าแบบติดตัวบุคคล
5. การป้องกันอันตรายจากสนามแม่เหล็กไฟฟ้า
การป้องกันอันตรายจาก EMF ทำได้โดยยึดหลัก ALARA (As Low As Reasonably Achievable) หรือการลดการสัมผัสให้น้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยมีแนวทางดังนี้:
- เพิ่มระยะห่าง: ยิ่งอยู่ห่างจากแหล่งกำเนิด EMF มากเท่าไหร่ ความเข้มของสนามก็จะลดลงอย่างรวดเร็ว.
- จำกัดเวลาการสัมผัส: ลดระยะเวลาในการใช้อุปกรณ์ที่ปล่อย EMF ในระดับสูง เช่น โทรศัพท์มือถือหรือเตาไมโครเวฟ.
- การป้องกัน (Shielding): ใช้วัสดุที่สามารถป้องกัน EMF ได้ เช่น แผ่นโลหะหรือฟอยล์ชนิดพิเศษ เพื่อลดการแผ่กระจายของคลื่น.
- การจัดการและบำรุงรักษา: ตรวจสอบและบำรุงรักษาอุปกรณ์ไฟฟ้าอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้มั่นใจว่าอยู่ในสภาพที่ปลอดภัย.


