การตรวจวัดความสั่นสะเทือน

การตรวจวัดความสั่นสะเทือนเป็นสิ่งสำคัญในการประเมินและควบคุมผลกระทบของแรงสั่นที่มีต่อโครงสร้าง เครื่องจักร และร่างกายมนุษย์ ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้:

1. คุณสมบัติของความสั่นสะเทือน

ความสั่นสะเทือน (Vibration) คือการเคลื่อนที่ไปมาของวัตถุหรืออนุภาครอบจุดสมดุล ความสั่นสะเทือนมีคุณสมบัติที่สำคัญดังนี้:

  • ความถี่ (Frequency): คือจำนวนรอบการสั่นในหนึ่งวินาที มีหน่วยเป็นเฮิรตซ์ (Hz) ความถี่ต่ำจะทำให้เกิดความรู้สึกโยกคลอน ส่วนความถี่สูงจะทำให้รู้สึกเหมือนถูกสั่นสะเทือน
  • แอมพลิจูด (Amplitude): คือขนาดของการเคลื่อนที่จากจุดสมดุล ยิ่งแอมพลิจูดมาก การสั่นก็จะยิ่งรุนแรง
  • ความเร็ว (Velocity): คืออัตราการเปลี่ยนแปลงของแอมพลิจูดเทียบกับเวลา

2. วัตถุประสงค์ของการตรวจวัดความสั่นสะเทือน

การตรวจวัดความสั่นสะเทือนมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อ:

  • การบำรุงรักษาเชิงคาดการณ์ (Predictive Maintenance): ใช้ตรวจสอบสภาพของเครื่องจักรและอุปกรณ์ต่างๆ เพื่อคาดการณ์ความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น
  • ความปลอดภัยของโครงสร้าง: ประเมินผลกระทบของแรงสั่นสะเทือนที่มีต่ออาคาร สะพาน และสิ่งก่อสร้างอื่นๆ เพื่อป้องกันการแตกร้าวหรือพังทลาย
  • สุขภาพของบุคลากร: ประเมินระดับความสั่นสะเทือนที่ส่งผลต่อผู้ปฏิบัติงานที่ต้องใช้เครื่องมือหรือเครื่องจักรที่มีการสั่นสะเทือนสูง เช่น โรค Raynaud’s Phenomenon หรือที่เรียกว่า “นิ้วมือขาว”

3. มาตรฐานการตรวจวัดความสั่นสะเทือน

มาตรฐานการตรวจวัดความสั่นสะเทือนเป็นข้อกำหนดเพื่อให้การวัดเป็นไปอย่างถูกต้องและสอดคล้องกับมาตรฐานสากล โดยมีหน่วยงานที่กำหนดมาตรฐานต่างๆ เช่น:

  • มาตรฐานสากล: เช่น ISO 2631 ที่ใช้ประเมินผลกระทบของความสั่นสะเทือนที่มีต่อร่างกายมนุษย์ และ ISO 10816 ที่ใช้ประเมินความสั่นของเครื่องจักร
  • มาตรฐานของประเทศไทย: กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมระดับความสั่นสะเทือนในสถานประกอบการจาก กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน

4. เครื่องมือที่ใช้ในการตรวจวัดความสั่นสะเทือน

เครื่องมือหลักที่ใช้ในการตรวจวัดความสั่นสะเทือนคือ เครื่องวัดความสั่นสะเทือน (Vibration Meter) ซึ่งมีส่วนประกอบสำคัญคือ:

  • เซ็นเซอร์ (Sensor): มักใช้ มาตรความเร่ง (Accelerometer) ซึ่งทำหน้าที่ตรวจจับการเคลื่อนที่ของวัตถุและแปลงเป็นสัญญาณไฟฟ้า
  • เครื่องวิเคราะห์สัญญาณ: ประมวลผลสัญญาณจากเซ็นเซอร์เพื่อคำนวณค่าต่างๆ เช่น ความเร็วและความเร่งของการสั่นสะเทือน
  • หน้าจอแสดงผล: แสดงผลการวัดออกมาในรูปแบบตัวเลขหรือกราฟ

5. การป้องกันอันตรายจากความสั่นสะเทือน

การป้องกันอันตรายจากความสั่นสะเทือนสามารถทำได้หลายวิธี ได้แก่:

  • การควบคุมที่แหล่งกำเนิด: ใช้อุปกรณ์ที่มีการสั่นสะเทือนน้อยลง หรือติดตั้ง วัสดุรองรับแรงสั่นสะเทือน (Vibration Isolator) ใต้ฐานเครื่องจักร
  • การควบคุมทางผ่าน: ปรับปรุงโครงสร้างหรือใช้เครื่องมือที่มีด้ามจับที่ดูดซับแรงสั่นสะเทือน
  • การบริหารจัดการ: จำกัดระยะเวลาการทำงานของผู้ปฏิบัติงานกับเครื่องมือที่สั่นสะเทือนสูง
  • อุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล (PPE): สวมใส่ถุงมือลดแรงสั่นสะเทือนสำหรับผู้ที่ต้องใช้เครื่องมือที่มีการสั่นสะเทือนเป็นประจำ